กองทุนสำรองเลี้ยงชีพทำงานยังไง?

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
วางแผนเกษียณด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)

**กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คืออะไร? แผนเกษียณที่ทั้งลูกจ้างและนายจ้างได้ประโยชน์**

 

 **1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คืออะไร?**

**กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ** หรือ **Provident Fund (กองทุน PVD)** คือ กองทุนบำเหน็จบำนาญที่บริษัทและพนักงานร่วมกันออม** เพื่อเป็นเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ โดยทั้งสองฝ่ายจะหักเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน (คล้ายกองทุนประกันสังคม แต่บริหารโดยเอกชน)

**ทำไมต้องมี Provident Fund?**

– เป็นเงินออมระยะยาว ที่ช่วยให้มีเงินใช้หลังเกษียณ

– นายจ้างช่วยออมให้ (บางบริษัทจ่ายสมทบเพิ่มให้พนักงาน)

– ได้ประโยชน์ทางภาษี (ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท/ปี)

 **2. ประโยชน์ของ Provident Fund ต่อการวางแผนเกษียณ**

(1) สำหรับพนักงาน

✅  มีเงินก้อนใหญ่ตอนเกษียณ  (ได้ทั้งเงินออมตัวเอง + เงินสมทบนายจ้าง + ดอกเบี้ยทบต้น)

✅  ลดหย่อนภาษีได้ (หักค่าสมทบจากเงินเดือนก่อนคำนวณภาษี)

✅  ถอนเงินก่อนเกษียณได้ในบางกรณี  เช่น ลาออก, ตกงาน, ซื้อบ้าน

✅  เสี่ยงน้อยกว่าลงทุนเอง  เพราะมีผู้จัดการกองทุนดูแล

(2) สำหรับบริษัท

✅  ช่วยดึงดูด Talent (พนักงานอยากทำงานกับบริษัทที่มีสวัสดิการดี)

✅  ลด turnover rate  (พนักงานอยู่กับบริษัทนานขึ้นเพราะไม่อยากเสียเงินสมทบ)

✅  ลดภาษีบริษัท  (เงินสมทบถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท)

**3. เงื่อนไขการจัดตั้ง Provident Fund สำหรับบริษัท**

(1) ต้องมีพนักงานขั้นต่ำ 10 คน

(แต่บางธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์อาจรับจัดตั้งแม้มีพนักงานน้อยกว่า)

(2) ต้องจดทะเบียนจัดตั้งกับสำนักงานประกันสังคม (กองทุนใหม่)

หรือใช้บริการผ่าน  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  เช่น บลจ.กรุงไทย, บลจ.ทิสโก้

(3) ต้องกำหนดกฎกองทุนให้ชัดเจน เช่น

– อัตราสมทบ (เช่น พนักงานจ่าย 3-5% นายจ้างจ่าย 3-5%)

– ระยะเวลาการออม (มักขั้นต่ำ 3-5 ปี)

– เงื่อนไขการถอนเงิน

 **4. ตัวเลือกการลงทุนใน Provident Fund**

กองทุน PVD ส่วนใหญ่มี **หลายแผน** ให้เลือกตามความเสี่ยงที่พนักงานยอมรับได้:

ประเภทกองทุน ความเสี่ยง ผลตอบแทนที่คาดหวัง เหมาะกับใคร?
กองทุนตลาดเงิน (MMF) ต่ำมาก 1-2% ต่อปี คนที่ไม่อยากเสี่ยงเลย
กองทุนพันธบัตร (Bond Fund) ต่ำ 2-4% ต่อปี  คนใกล้เกษียณ
กองทุนผสม (Mixed Fund) ปานกลาง 4-6% ต่อปี  คนวัยทำงานทั่วไป
กองทุนหุ้น (Equity Fund) สูง 6-10% ต่อปี คนอายุน้อย ยอมรับความเสี่ยงได้

 

**ข้อจำกัดในการลงทุน**

– บางกองทุนมีเงื่อนไขล็อกเงิน (ห้ามถอนก่อนเกษียณ)

– ผลตอบแทนไม่รับประกัน  ขึ้นอยู่กับตลาดการเงิน

– บางบริษัทจำกัดการเปลี่ยนแผนบ่อยๆ

**5. ผลตอบแทนของ Provident Fund ในไทย (Best Case vs. Worst Case)**

**Best Case (กรณีที่ดีที่สุด)

– ถ้าลงทุนใน  กองทุนหุ้น  และตลาดดี อาจได้ผลตอบแทน 7-10% ต่อปี

– ตัวอย่าง: พนักงานออมเดือนละ 5,000 บาท (บริษัทสมทบอีก 5,000 บาท) เป็นเวลา 30 ปี

– เงินสะสมรวม 7-10 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ยทบต้น)

**Worst Case (กรณีแย่ที่สุด)

– ถ้าลงทุนใน กองทุนหุ้นช่วงตลาดตก  อาจขาดทุนหรือได้ผลตอบแทน  0-3% ต่อปี

– ตัวอย่าง: เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 2540 หรือ COVID-19 อาจทำให้เงินโตช้า

**6. โมเดล Provident Fund ที่น่าสนใจในต่างประเทศ (ปรับใช้ได้ในไทย)**

(1) โมเดล Singapore (CPF)

– บังคับออมทั้งลูกจ้างและนายจ้าง (อัตราสูงถึง 20% ของเงินเดือน)

– ใช้เงินซื้อบ้านหรือรักษาพยาบาลได้

(2) โมเดล USA (401k Plan)

– นายจ้างสมทบเพิ่มให้ (บางบริษัทจ่าย Match 100% ของเงินออมพนักงาน)

– ลงทุนในหุ้นได้อิสระกว่า

(3) โมเดลปรับใช้ในไทย

– บริษัทควรสมทบเพิ่ม เพื่อจูงใจพนักงาน (เช่น จ่าย Match 1:1)

– ให้พนักงานเลือกแผนลงทุนได้เอง

**7. สรุป: ควรเริ่มออม Provident Fund เมื่อไหร่?**

– ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ (เพราะดอกเบี้ยทบต้นทำงาน)

– เลือกแผนลงทุนให้เหมาะกับอายุ (วัยรุ่น/วัยทำงานเลือกลงทุนหุ้น, วัยใกล้เกษียณเลือกกองทุนปลอดภัย)

– ตรวจสอบเงื่อนไขกองทุนของบริษัท ว่ามีอัตราสมทบเท่าไหร่ และมีการลงทุนแบบไหน

 

Provident Fund คือ **เครื่องมือออมเกษียณที่สำคัญ** ที่ทั้งพนักงานและบริษัทได้ประโยชน์ร่วมกัน ถ้าทำถูกวิธี เงินก้อนนี้จะกลายเป็นหลักประกันชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง  บริษัทไหนที่สนใจจัดตั้ง Provident Fund เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานบริษัท ทาง WERICH GROUP  มีบริการจัดตั้งกองทุนให้ทั้งแบบตั้งกองใหม่หรือย้ายจากกองเดิม สามารถขอคำปรึกษาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ https://lin.ee/hBu28ld

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *