ลงทุนซื้อที่ดินยังน่าสนใจไหม ?

อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

**การบริหารที่ดินว่างเปล่าในปี 2568: วิธีจัดการเพื่อผลตอบแทนสูงสุดและประหยัดภาษี**

 

การถือครองที่ดินว่างเปล่าในประเทศไทยสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงหากบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ทั้งในแง่ของการเพิ่มมูลค่าที่ดินและการลดภาระภาษี ในบทความนี้จะแนะนำกลยุทธ์การบริหารที่ดินว่างเปล่า การตัดสินใจขายที่เหมาะสม รวมถึงทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น ตึกแถว อาคารพาณิชย์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

 

 

  1. การบริหารที่ดินว่างเปล่าเพื่อผลตอบแทนสูงสุด

1.1 เลือกรูปแบบการถือครองที่ดิน

– ที่ดินเปล่าในทำเลดี (ใกล้ถนนหลัก โครงการรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า) มีแนวโน้มราคาปรับสูงขึ้น แต่ต้องจ่ายภาษีที่ดินและอาจถูกเรียกเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่า

– ที่ดินเกษตร(โฉนดเกษตร หรือ นส.3) ภาษีถูกกว่า แต่มีข้อจำกัดในการพัฒนา ควรพิจารณาปลูกพืชหรือให้เช่าเพื่อลดภาษี

– ที่ดินในเขต EEC (ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) มีศักยภาพสูงจากนโยบายรัฐบาล

 

1.2 วิธีบริหารที่ดินเพื่อเพิ่มรายได้และลดภาษี

– ปล่อยเช่าแบบระยะสั้น/ยาว เช่น เช่าปลูกพืช (ลดภาระภาษีที่ดินว่างเปล่า) หรือให้เช่าเป็นที่จอดรถ

– พัฒนาเป็นที่เก็บสินค้าหรือพื้นที่โลจิสติกส์ หากอยู่ในทำเลใกล้โรงงานหรือท่าเรือ

– จับมือกับนักพัฒนาอสังหาฯ เพื่อสร้างโครงการร่วม (Joint Venture) แทนการขาย

– ปลูกต้นไม้หรือทำเกษตร  เพื่อใช้สิทธิ์ลดภาษีที่ดินตามกฎหมาย (บางกรณี)

 

1.3 เมื่อไหร่ควรขายที่ดิน?

– เมื่อมีโอกาสทำกำไรสูงสุด เช่น มีโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ (รถไฟฟ้า, ถนน) ผ่านพื้นที่

– เมื่อต้องใช้เงินสด  และไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการถือครองต่อ

– เมื่อกฎหมายภาษีใหม่มีผล เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อาจเพิ่มภาระในอนาคต

 

 

  1. ทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับการถือครองที่ดิน

หากไม่ต้องการถือครองที่ดินโดยตรง นักลงทุนสามารถพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียง ดังนี้

 

2.1 ตึกแถว/อาคารพาณิชย์ปล่อยเช่า

– ข้อดี

– มีรายได้เช่าสม่ำเสมอ

– มูลค่าปรับขึ้นตามทำเล

– สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ (ค่าซ่อมแซม, ค่าเสื่อม)

– ข้อเสีย

– ต้องการเงินลงทุนสูง

– มีความเสี่ยงจากการเช่าว่าง (Vacancy Risk)

– ต้องบริหารจัดการ เช่น การหาผู้เช่า ซ่อมบำรุง

– เหมาะกับ นักลงทุนที่มีเงินทุนหนาและต้องการรายได้ระยะยาว

 

2.2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

– ข้อดี

– ลงทุนด้วยเงินน้อย (เริ่มต้นเพียงหลักพันบาท)

– มีสภาพคล่องสูง (ซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์)

– ได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ (ประมาณ 5-8% ต่อปี)

– ข้อเสีย

– ผลตอบแทนขึ้นกับประสิทธิภาพของกองทุน

– ไม่มีสิทธิ์บริหารทรัพย์สินด้วยตัวเอง

– เหมาะกับ นักลงทุนที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องการบริหารเอง

 

2.3 การลงทุนในหุ้นอสังหาฯ

– เช่น หุ้นบริษัทพัฒนาที่ดิน หรือบริษัทก่อสร้าง

– ข้อดี – ได้รับผลตอบแทนจากหุ้นและปันผล

– ข้อเสีย – ความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นผันผวน

 

 

  1. สรุป: ควรเลือกการลงทุนแบบไหนดี?

 

รูปแบบการลงทุน ความเสี่ยง ผลตอบแทน ความยืดหยุ่น เหมาะกับ
ที่ดินเปล่า ปานกลาง-สูง สูง สูง นักลงทุนระยะยาว
ตึกแถว/อาคารพาณิชย์ ปานกลาง ค่อนข้างสูง ปานกลาง นักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ
REITs ต่ำ-ปานกลาง ปานกลาง (ปันผล) สูง นักลงทุนมือใหม่
หุ้นอสังหาฯ สูง สูง (ขึ้นกับตลาด) สูง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

– หากต้องการ **ลดภาษี** และมีเงินทุนน้อย → เลือก **REITs** หรือ **ที่ดินเกษตร**

– หากต้องการ **ส่วนต่างสูง** และพร้อมถือครองระยะยาว → เลือก **ที่ดินเปล่าในทำเลดี**

– หากต้องการ **รายได้ประจำ** → เลือก **ตึกแถว/อาคารพาณิชย์**

 

 

สรุป

การบริหารที่ดินว่างเปล่าในปี 2568 ควรพิจารณาทั้งผลตอบแทนและภาระภาษี โดยอาจเลือกพัฒนาที่ดินให้เกิดรายได้หรือขายเมื่อมีโอกาสทำกำไรสูงสุด หากไม่ต้องการบริหารที่ดินเอง การลงทุนในอสังหาฯรูปแบบอื่น เช่น ตึกแถวหรือ REITs ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นักลงทุนควรประเมินความเสี่ยงและวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเองก่อนตัดสินใจ

WERICH GROUP ( www.werichmerich.com ) เห็นความสำคัญของการวางแผนการบริหารสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวม ความหลากหลายของสินทรัพย์การลงทุนที่มีๆความจำเป็นเพื่อสร้างสมดุลและลดความเสี่ยงของพอร์ต ด้วยการวางแผนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เรายินดีให้คำปรึกษาสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://lin.ee/hBu28ld

อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *