อิสรภาพทางการเงิน ( Financial Freedom )
เส้นทางนี้จะไปถึงได้อย่างไร เรามีเทคนิคดีๆ 4 ข้อมาแนะนำครับ
1.ตั้งเป้าหมายชีวิตในการสร้างความมั่งคั่ง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
อิสรภาพทางการเงิน จะเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย
โดยหลังจากเริ่มวัยทำงานและมีรายได้เป็น
ของตัวเอง ในระยะสั้นควรกำหนดแผน
การเก็บออมในแต่ละเดือนจากการจัดสรรเงิน
และบริหารรายรับรายจ่ายให้สมดุล
ส่วนในระยะยาวควรตั้งเป้าหมายการเก็บออม
เพื่อใช้ในยามเกษียณตั้งแต่วันนี้
เช่น
- ระยะสั้น : เก็บออมให้ได้ 10% ของเงินเดือน เช่น เงินเดือน 15,000 บาท หักเงินออมทันที 1,500 บาท พอครบ 1 ปี ก็จะมีเงินออม 18,000 บาท
- ระยะยาว : มีเงินออม 5 ล้านบาท เมื่ออายุ 60 ปี
เพื่อใช้ในยามเกษียณ ก็ควร
วางแผนออมเงินให้ชัดเจน
เช่นถ้าตอนนี้อายุ 30 ปี จะ
ต้องออมเงินอย่างน้อย 10,000
บาท ต่อเดือน โดยได้ผลตอบแทน
2% ต่อปี จึงจะสามารถบรรลุ
เป้าหมายเกษียณที่ตั้งไว้ได้ 2. เริ่มเก็บออมเงินอย่างมีวินัย
ตามแผนการเงินที่วางไว้ เช่น ต้องออมเงิน ทันทีอย่างน้อย 10% ของเงินเดือนทุกเดือน ดังนั้นเมื่อเงินเดือนมากขึ้น เงินออมก็จะเพิ่ม มากขึ้นตามไปโดยอัตโนมัติ เทคนิคพิชิตอิสรภาพทางการเงิน
ประโยคเหล่านี้อาจจะเคยเกิดขึ้นกับใครหลาย ๆ คนว่า
“เอาไว้มีเงินเดือนมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเริ่มออมเงิน”
“เอาไว้โบนัสออกก่อนแล้วค่อยเริ่มออมเงิน”
“เอาไว้หนี้สินลดลงหรือหมดหนี้สินก่อนแล้วค่อยออมเงิน”
สร้างนิสัยใหม่ให้ “ออมก่อนใช้”
มนุษย์เงินเดือนนั้นจะสามารถออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอ ถ้าต้องการสร้างวินัยการออมนั้นทำได้ง่ายโดยการออมก่อนใช้ ปรับมุมคิดว่าเมื่อได้เงินเข้าบัญชีตอนสิ้นเดือนแล้ว ควรตัดอัตโนมัติเข้าบัญชีเงินออมทันที หลังจากนั้น เราก็จะใช้เงินที่เหลือแค่ใน “บัญชีใช้จ่าย” เท่านั้น
หรือถ้าใครเป็นคนชอบใช้เวลาว่างเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าเพื่อพักผ่อน ไปเดินเล่นเฉย ๆ ไม่คิดจะซื้อหรอกนะ แต่สุดท้ายมักแพ้ป้าย Sale ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้ง ก็อาจจะปรับวิธีการใช้ชีวิตโดยเปลี่ยนที่พักผ่อนในห้างฯ เป็นสวนสาธารณะ เป็นจิตอาสาหรือใช้เวลาว่างไปเข้าอบรมสร้างความรู้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ก็เป็นวิธีการที่ดีทีเดียว
ส่วนประกอบที่สำคัญของการเริ่มต้น คือ หัวใจของเรา เมื่อมีความมุ่งมั่นที่จะต้องออมเงินให้ได้หรือต้องการประหยัดรายจ่าย วิธีการอื่น ๆ ที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายก็จะตามมาเอง
ทำทีละนิด
การปรับนิสัยเพื่อออมเงินนั้นจะต้องเริ่มทำทีละนิด เพื่อให้ความรู้สึกเราค่อย ๆ ชินกับการออมเงิน โดยอาจจะเริ่มที่การออมเงิน 10% ของรายได้ แล้วดูว่าพฤติกรรมการใช้เงินของเราเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง เมื่อปรับได้และเคยชินกับการออมเงินระดับนี้แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของเงินออมขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น 15% เป็น 20% เรื่อย ๆ ซึ่งก็แล้วแต่เราจะปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
ทำอย่างต่อเนื่อง
ข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างวินัยการออมเงิน เพราะการออมไม่ควรทำแล้วหยุด ทำแล้วหยุด เพราะสุดท้ายเราจะหยุดทำไปจริง ๆ แต่ควรทำ ทำ ทำ…และทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้กลายเป็นนิสัยและหลอมรวมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ คล้าย ๆ กับการสมัครฟิตเนสเพื่อไปออกกำลังกาย ช่วงแรก ๆ ก็มีแรงฮึกเหิมอยากจะไป แต่พอมาช่วงหลัง ๆ งานเยอะก็เริ่มขี้เกียจ สุดท้ายก็ไปออกกำลังกายจริง ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ไม่คุ้มกับค่าสมัครสมาชิกที่เสียไป
ถ้าเริ่มต้นใหม่ตั้งใจทำอย่างจริงจังไว้ว่า “วันนี้ฉันจะต้องไปออกกำลังกาย!” แล้วทำต่อเนื่องกันประมาณ 1 เดือน หากมีวันไหนที่เราไม่ได้ไปออกกำลังกาย ความรู้สึกเราจะเริ่มแปลก ๆ ว่าเหมือนวันนี้เราลืมทำอะไรไป ในขณะที่บางคนอาจจะหงุดหงิดที่ไม่ได้ไปออกกำลังกาย การออมเงินก็เช่นกัน เราจะเริ่มรู้สึกว่าถ้าเดือนไหนลืมออมเงินหรือวันไหนลืมหยอดกระปุกออมสินแล้วรู้สึกว่าชีวิตจะไม่มั่นคง
“สร้างนิสัยใหม่ ทำทีละนิด ทำอย่างต่อเนื่อง” เพียงเท่านี้เราก็จะมีเงินออมได้ไม่ยาก เมื่อเรามีวินัยการออมในขณะที่มีรายได้น้อย แต่เราสามารถจัดการเงินออมและรายได้เป็นอย่างดี ในอนาคตเมื่อเรามีรายได้มากขึ้น เราก็จะสามารถจัดการเงินได้อย่างดีเช่นกัน เพราะเรารู้แล้วว่าจะดูแลเงินของเราอย่างไรให้มีใช้ไปตลอดชีวิต
3.วางแผนการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น
ควรศึกษาทางเลือกในการเพิ่มผลตอบแทน ให้กับเงินออมของเรา ด้วยการนำเงินออมไป ลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ เช่น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และหุ้น เพราะ ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยย่นระยะเวลาสู่ อิสรภาพทางการเงิน ให้เร็วขึ้น แถมหาก สามารถเพิ่มจำนวนเงินออมต่อเดือนได้อีก ก็จะยิ่งบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
จะดีกว่ามั้ย..ถ้าคุณสามารถเพิ่ม
ศักยภาพในการหาเงินของคุณ
หรือพยายามลด ค่าใช้จ่าย
ไม่จำเป็นให้มีเงินเหลือไปออม
มากขึ้นเพราะยิ่งใส่จำนวนเงิน
มากเท่าไหร่ย่อมมีโอกาสเพิ่ม
เงินต้นในการออมและลงทุน
ได้มากขึ้นเท่านั้น
คิดแบบง่ายๆ ถ้าคุณต้องการ
ออมเงิน 4,000,000 บาท
เพื่อเป้าหมาย เกษียณสุขในอีก
30 ปีข้างหน้า โดยออมเงินในธนาคาร
หรือลงทุนในกองทุน รวมตลาดเงินหรือกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี… โดย คุณตั้งใจว่าจะออมเดือนละ 1,000 บาท เมื่อ ถึงวันที่เกษียณอายุ คุณจะมีเงินออม ประมาณ 490,000 บาท แต่ถ้าเพิ่มเงินออม เป็นเดือนละ 5,000 บาท ณ วันที่เกษียณ อายุ คุณก็จะมีเงินออมเพิ่มเป็น 2,400,000 บาทในกระเป๋า เข้าใกล้เป้าหมายเกษียณสุข ได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หรือถ้าจะให้ดีสุดๆ หากคุณสามารถสร้างรายได้เพิ่มจนออมได้ เดือนละ 10,000 บาท ในวันที่ คุณเกษียณ
ก็จะมีเงินออมเกือบ 5,000,000 บาท!!!
ให้ใช้ไปสบายๆ ตลอดชีวิต
ดังนั้น… ใครสามารถ
ออมเงินได้เดือนละมากๆ ก็ยิ่งดี
แต่ใครที่ออมเงินได้น้อยก็
อย่าพึ่งเสียอกเสียใจ
เพราะยังมีอีก 2 ตัวช่วย
ที่จะสร้างเงินออมให้เติบโตขึ้น
ได้เช่นกัน
พลังระยะเวลา
ระยะเวลาที่สามารถออม
ต่อเนื่อง ยิ่งนานยิ่งดี
เคยเป็นมั้ย… เงิน 1,000 บาท ใช้แป๊ปเดียวก็หมดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ใช้ แถมยังฝากธนาคารทุกเดือนอย่าง สม่ำเสมอ โดยได้รับดอกเบี้ย
2% ต่อปี… ภายใน 1 ปี คุณจะมี เงินออมถึง 12,240 บาท และหากคุณ ออมต่อไปเรื่อยๆ อีกเพียง 10 ปี คุณจะมีเงิน กว่า 130,000 บาท แล้วยิ่งคุณออมต่อเนื่องได้ถึง 30 ปี
คุณก็จะมีเงินออมเกือบ 500,000 บาท
โดยไม่ทันรู้ตัว!
รู้แล้วจะช้าอยู่ทำไม
ยิ่งเริ่มก่อน ยิ่งมีเวลา
นานกว่า ยิ่งสร้าง
เงินออมก้อนโต
ได้มากกว่า
พลังอัตราผลตอบแทน
อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ได้รับ
ยิ่งมากยิ่งดี
ใครๆ ก็อยากมีเงินออมเยอะๆ แต่ด้วย ข้อจำกัดของแต่ละคน ที่มีเงินเหลือไม่มากพอ อีกทั้งบางคน พึ่งมาคิดได้ว่าต้องออม ก็ตอนที่อายุมากแล้ว จึงไม่ได้มีระยะเวลาที่ ยาวนานมาก
ขนาดที่จะสร้างพลังเงินต้นให้
เติบโตได้ดั่งใจ ดังนั้น ตัวช่วยสุดท้ายก็คือ
อัตราผลตอบแทนจากการออมและการลงทุน ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการสร้างเงินก้อนโตได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าเหลือเงินออมเพียง 1,000 บาทต่อเดือน ฝากธนาคารทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี…ในอีก 30 ปีข้างหน้า คุณจะมีเงินเกือบ 490,000 บาท แต่ถ้าเปลี่ยนมาลงทุนในทางเลือกอื่นที่ให้ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เงินจะโตขึ้นมา เกือบเท่าตัว หรือราวๆ 800,000 บาท ยิ่งถ้าลงทุนในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนอย่างน้อย 10% ต่อปีแล้ว เงินก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้น เป็นเกือบ 2,000,000 บาท! นั่นเป็นเพราะความมหัศจรรย์ของ “อัตราดอกเบี้ยทบต้น” ที่แม้จะไม่ได้ออมเงินเพิ่มขึ้น แต่ดอกเบี้ยทบต้น ก็ยังทำหน้าที่ของมันอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา ดังนั้น แม้จะเริ่มด้วยเงินก้อนเล็ก ระยะเวลาลงทุนที่สั้นกว่าคนอื่น แต่ถ้าหาทางเลือกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนได้สูงกว่า คุณก็มีสิทธิมั่งคั่งได้เหมือนกัน
รู้แล้วจะช้าอยู่ทำไม ยิ่งเริ่มก่อน ยิ่งมีเวลานานกว่า ยิ่งสร้างเงินออมก้อนโตได้มากกว่า
4.มีความสุขระหว่างทางเดิน
ถึงการเงิน จะเป็นเรื่องของตัวเลขดูน่าปวดหัว แต่อย่าลืมเดินทางด้วยความสุข และสนุกสนานระหว่างทางเดิน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายปลายทาง ด้วยการเติมเต็มความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง ทั้งเพื่อนร่วมเดินทางและเปิดรับโอกาสใหม่ๆในชีวิต
การใช้ชีวิตของคนเราย่อมมีการตั้งความหวัง ที่เรียกว่า “เป้าหมาย” หรือ “ปลายทาง” เอาไว้เสมอหลายคนมักจะเร่งรีบที่จะไปให้ถึงให้เร็วที่สุด
แต่หลายคนค่อย ๆ เดินไปให้ถึง เหนื่อยนักก็พักหน่อย คนเร่งรีบ มักมองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้า
คนไม่รีบ มักไม่ได้มองแต่เพียง “ปลายทาง” แต่ได้มีโอกาสมอง “ระหว่างทาง” ที่เดินผ่านมาด้วย ใครจะมีความสุขกว่ากันระหว่าง คนเร่งรีบ กับ คนไม่รีบ “ระหว่างทาง” อาจจะสำคัญกว่า “ปลายทาง” ก็ได้