
**ภาษีที่ดินปี 2568 สำหรับที่ดินรกร้าง และแนวทางการบริหารภาษีที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ**
**1. ภาษีที่ดินรกร้างปี 2568 ในประเทศไทย**
ตาม **พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562** ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2568 เจ้าของที่ดินรกร้างหรือที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าที่ดินประเภทอื่น เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
**อัตราภาษีที่ดินรกร้าง (ที่ดินไม่ได้ทำประโยชน์) ปี 2568**
**ปี 2568 เป็นต้นไป**: อัตราภาษีที่ดินรกร้างจะปรับขึ้นตามค่าประเมินที่ดิน โดยมีอัตราดังนี้
**0.3%** ของค่าประเมินที่ดิน (สำหรับที่ดินรกร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ)
**สูงสุดไม่เกิน 1.2%** หากที่ดินมีมูลค่าสูงมากและไม่ได้ใช้ประโยชน์ต่อเนื่อง
⚠️ **หมายเหตุ**:
– หากที่ดินถูกปล่อยว่างเกิน 3 ปีติดต่อกัน อาจถูกเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า (เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
– มีการยกเว้นภาษีสำหรับที่ดินเกษตรกรรมที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ต้องแสดงแผนการใช้ที่ดินในอนาคต
**2. วิธีการบริหารภาษีที่ดินให้มีประสิทธิภาพ**
เพื่อลดภาระภาษีที่ดินรกร้าง เจ้าของที่ดินสามารถทำได้ดังนี้:
(1) นำที่ดินมาใช้ประโยชน์
– เกษตรกรรม : ปลูกพืชระยะสั้น หรือให้เกษตรกรเช่าทำกิน
– เลี้ยงสัตว์: ใช้เป็นฟาร์มปศุสัตว์ หรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
– พลังงานทดแทน : ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม หรือใช้ที่ดินเพื่อผลิตพลังงานสะอาด
(2) ให้เช่าเพื่อการพาณิชย์
– ให้เช่าเป็นลานจอดรถ
– ให้เช่าเป็นที่ตั้งแผงขายของชั่วคราว
– ให้เช่าเป็นโกดังเก็บสินค้า
(3) ขายหรือพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์
– หากไม่ต้องการใช้ประโยชน์เอง อาจขายให้นักพัฒนาที่ดิน
– จัดสรรที่ดินเพื่อสร้างบ้านหรือคอนโดฯ
(4) ใช้ประโยชน์เพื่อสังคม (ลดหย่อนภาษี)
– บริจาคที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์ (อาจได้ลดหย่อนภาษี)
– ให้หน่วยงานรัฐใช้ประโยชน์ชั่วคราว
**3. แนวโน้มภาษีที่ดินในอนาคต**
– รัฐบาลอาจเพิ่มอัตราภาษีที่ดินรกร้าง เพื่อกระตุ้นการใช้ที่ดินอย่างเต็มที่
– อาจมีมาตรการลงโทษเพิ่ม สำหรับที่ดินทิ้งร้างเกิน 5-10 ปี
– ส่งเสริมการใช้ที่ดินเพื่อพลังงานสะอาด (โซลาร์ฟาร์ม, พลังงานลม)
**4. เปรียบเทียบอัตราภาษีที่ดินกับประเทศเพื่อนบ้าน**
ประเทศ | อัตราภาษีที่ดินรกร้าง (ประมาณการ) | หมายเหตุ |
**ไทย** | 0.3% – 1.2% (ปี 2568) | เพิ่มอัตราสำหรับที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์ |
**สิงคโปร์** | 10% ของมูลค่าเช่าประเมิน | อัตราสูงมาก เพื่อป้องกันเก็งกำไร |
**มาเลเซีย** | 0.15% – 0.5% | ขึ้นอยู่กับรัฐบาลท้องถิ่น |
**เวียดนาม** | 0.03% – 0.15% | อัตราต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมเพิ่ม |
**อินโดนีเซีย** | 0.1% – 0.3% | ขึ้นอยู่กับพื้นที่ |
สรุป :
**ไทยมีอัตราภาษีที่ดินรกร้างปานกลาง** แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
**สิงคโปร์เก็บภาษีสูงสุด** เพื่อควบคุมการเก็งกำไรที่ดิน
**เวียดนามและอินโดนีเซียมีอัตราต่ำกว่า** แต่มีกฎเกณฑ์การใช้ที่ดินเข้มงวด
—
**5. ข้อสรุปและข้อแนะนำ**
– หลีกเลี่ยงการปล่อยที่ดินรกร้าง เพราะอาจเสียภาษีสูงในอนาคต
– หาวิธีใช้ที่ดินให้เกิดรายได้ เช่น เกษตรกรรม, โซลาร์ฟาร์ม, ให้เช่า
– ติดตามนโยบายภาษีที่ดินอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการลงทุนระยะยาว
หากเจ้าของที่ดินสามารถบริหารจัดการที่ดินได้ดี จะช่วยลดภาระภาษีและสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว
สนใจปรึกษาเรื่องการบริหารภาษีทุกประเภทสามารถสอบถามนักวางแผนการเงินของ WERICH GROUP โดยตรงได้ที่ https://lin.ee/hBu28ld