อาหารกับความเสี่ยงทางการเงิน

ค่าใช้จ่ายรักษาโรค NCDs
อาหารที่เราเลือกลดโรคลดเสี่ยง
อาหารที่เราเลือกลดโรคลดเสี่ยง สุขภาพดีเริ่มจากการกิน ป้องกันดีกว่ารักษา

**Ultra-Processed Food (UPF) vs. Processed Food (PF): อันตรายที่ซ่อนอยู่และทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ**

**UPF และ PF ต่างกันอย่างไร?**

อาหารแปรรูป (Processed Food – **PF**) และอาหารแปรรูปพิเศษ (Ultra-Processed Food – **UPF**) มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้

**1. อาหารแปรรูป (PF)**

– **คืออะไร?** อาหารที่ผ่านกระบวนการเพื่อยืดอายุหรือเพิ่มรสชาติ เช่น การดอง หมัก ตากแห้ง แช่แข็ง

– **ตัวอย่าง:** นมพาสเจอร์ไรส์ ปลากระป๋อง ผักแช่แข็ง ผลไม้อบแห้ง (ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม)

– **ผลต่อสุขภาพ:** บางชนิดมีประโยชน์ แต่บางชนิดอาจมีเกลือหรือน้ำตาลสูง

**2. อาหารแปรรูปพิเศษ (UPF)**

– **คืออะไร?** อาหารที่ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน มักมีสารเติมแต่ง เช่น สารกันบูด สารปรุงรส น้ำตาล ไขมันทรานส์

– **ตัวอย่าง:** บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ไส้กรอก ซีเรียลหวานๆ

– **ผลต่อสุขภาพ:** เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน ความดันสูง มะเร็ง และโรคเรื้อรังอื่นๆ

**สรุปความรู้จากหนังสือ UPF โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ**

หนังสือเกี่ยวกับ UPF โดยแพทย์หลายเล่ม (เช่น “Ultra-Processed People” โดย Dr. Chris van Tulleken) ชี้ว่า:

 

  1. **UPF ทำลายสุขภาพเพราะ:**

– มี **น้ำตาล เกลือ และไขมันไม่ดี** ในปริมาณสูง

– มี **สารเคมีสังเคราะห์** ที่ร่างกายไม่รู้จัก (เช่น สารเติมแต่ง สารกันบูด)

– **กระตุ้นให้กินมากเกิน** เพราะออกแบบมาให้กินแล้วหยุดยาก

  1. **งานวิจัยรองรับ:**

– **โรคอ้วน:** คนกิน UPF บ่อยมีแนวโน้มน้ำหนักขึ้นเร็ว (งานวิจัยใน *BMJ*)

– **โรคเบาหวาน:** UPF เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (งานวิจัยใน *JAMA*)

– **โรคหัวใจและมะเร็ง:** ผู้กิน UPF วันละ 10% ของพลังงานเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ 12% (งานวิจัยใน *The Lancet*)

  1. **ผลกระทบต่อเด็ก:**

– **พฤติกรรมการกิน:** เด็กที่กิน UPF บ่อยมักติดรสหวาน/เค็ม

– **พัฒนาการสมอง:** อาจส่งผลต่อการเรียนรู้และสมาธิ

– **โรคในเด็กเพิ่มขึ้น:** เช่น โรคอ้วนในเด็ก เบาหวานชนิดที่ 2 ที่พบมากขึ้น

**ควรกิน UPF ในสัดส่วนเท่าไหร่?**

– **องค์การอนามัยโลก (WHO)** แนะนำว่า UPF ควรกิน **น้อยกว่า 10% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน**

– **ทางเลือกที่ดีกว่า:**

– กินอาหารสด (ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่แปรรูป)

– เลือก PF ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ ถั่วอบไม่ใส่เกลือ

**วิธีลด UPF ในชีวิตประจำวัน**

  1. **อ่านฉลากอาหาร** – หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อ่านไม่รู้จัก
  2. **ทำอาหารเอง** – ลดการพึ่งพาอาหารสำเร็จรูป
  3. **เลือกของว่างที่ดีต่อสุขภาพ** – ผลไม้ถั่วธัญพืชไม่ปรุงแต่ง
  4. **ลดเครื่องดื่มรสหวาน** – ดื่มน้ำเปล่าชาไม่ใส่น้ำตาลแทน

**สรุป**

UPF ไม่ใช่แค่ “อาหารแปรรูปธรรมดา” แต่เป็นอาหารที่ผ่านการปรับเปลี่ยนจนเสี่ยงต่อสุขภาพ การลด UPF และหันมากินอาหารธรรมชาติจะช่วยลดโรคเรื้อรังได้ โดยเฉพาะในเด็กที่กำลังเติบโต เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเลือกอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด!

**”กินน้อยลงแต่ดีขึ้น…สุขภาพดีเริ่มที่การเลือก”**

หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำหนังสือ:

– “Ultra-Processed People” โดย Dr. Chris van Tulleken

– “Salt Sugar Fat” โดย Michael Moss

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ UPF และปรับพฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นค่ะ!

**กินอาหารต้นทาง (Whole Foods) อย่างไรให้แข็งแรง ห่างไกลโรค**

อาหารต้นทางหรืออาหารธรรมชาติ (**Whole Foods**) คือ อาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เช่น ผัก ผลไม้สด เนื้อสัตว์ไม่ผ่านการปรุงรส ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และเมล็ดพืชต่างๆ การกินอาหารประเภทนี้ในสัดส่วนที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว

**สัดส่วนการกินอาหารธรรมชาติที่แนะนำ**

**1. หลักการแบ่งจานอาหาร (Healthy Plate Model)**

หลายองค์กรสุขภาพ เช่น **Harvard Healthy Eating Plate** และ **USDA MyPlate** แนะนำให้แบ่งจานอาหารเป็นสัดส่วนดังนี้:

– **50% ของจาน: ผักและผลไม้**

– ผักหลากสี (เขียว แดง ส้ม ม่วง) เพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ

– ผลไม้สด (ไม่ใช่ผลไม้กระป๋องในน้ำเชื่อม) เช่น แอปเปิ้ล กล้วย ส้ม

– **ควรกินผักมากกว่าผลไม้** เพราะผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลสูง

– **25% ของจาน: โปรตีนคุณภาพ**

– เนื้อสัตว์ไม่แปรรูป (เช่น เนื้อไก่ ปลา ไข่)

– พืชโปรตีน (เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่ว lentils)

– **หลีกเลี่ยงเนื้อแปรรูป** เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน

– **25% ของจาน: คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน**

– ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต

– ธัญพืชไม่ขัดสี (เช่น quinoa, ข้าวโอ๊ต)

– **ลดแป้งขัดขาว** เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว

– **เสริมด้วยไขมันดี**

– น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วต่างๆ

– หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์และน้ำมันพืชผ่านกระบวนการ

**2. กินอาหารธรรมชาติให้หลากหลาย**

– **สีสันของผักผลไม้ = สารอาหารต่างกัน**

– **สีเขียว** (บรอกโคลี ผักโขม) → อุดมด้วยวิตามินเคและไฟเบอร์

– **สีแดง/ส้ม** (มะเขือเทศ แครอท) → เบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ

– **สีม่วง** (บลูเบอร์รี กะหล่ำม่วง) → แอนโทไซยานินต้านอนุมูลอิสระ

– **เปลี่ยนแหล่งโปรตีนสลับกัน**

– ปลา (โอเมก้า-3) → ลดการอักเสบ

– ถั่วและเมล็ดพืช → ไฟเบอร์สูง ช่วยระบบย่อย

**งานวิจัยรองรับ: ทำไมอาหารธรรมชาติดีกว่า UPF?**

  1. **ลดโรคอ้วนและเบาหวาน**

– การศึกษาจาก Nutrients (2020) พบว่าการกิน Whole Foods ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงเบาหวาน

– UPF เพิ่มความอยากอาหารและกินเกินจำเป็น (งานวิจัยใน *Cell Metabolism*)

  1. **ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง**

– WHO รายงานว่าการกินเนื้อแดงแปรรูป (เช่น ไส้กรอก) เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้

– อาหารพืชเป็นหลัก (Plant-based) ช่วยลดคอเลสเตอรอล (งานวิจัยใน *Journal of the American Heart Association*)

  1. **สุขภาพลำไส้ดีขึ้น**

– ไฟเบอร์จากผักและผลไม้ช่วยเลี้ยงแบคทีเรียดีในลำไส้ (Microbiome)

– UPF ทำลายสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ → ภูมิคุ้มันต่ำลง

**ตัวอย่างมื้ออาหารธรรมชาติใน 1 วัน**

– **เช้า:** โจ๊กข้าวกล้อง + ไข่ต้ม + ผักโขม

– **กลางวัน:** ข้าวซ้อมมือ + ปลานึ่ง + สลัดผักสด + ซุปถั่ว

– **เย็น:** สเต็กอกไก่ + บรอกโคลีนึ่ง + มันเทศอบ

– **ของว่าง:** ถั่วอัลมอนด์ + ผลไม้สด

**ทางเลือกหากต้องกินอาหารแปรรูป**

หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปได้ทั้งหมด ให้เลือก:

✅ **PF แปรรูปน้อย** → เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ ถั่วอบเกลือน้อย

❌ **เลี่ยง UPF** → เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ น้ำอัดลม ซีเรียลหวาน

**สรุป: กินแบบไหนให้แข็งแรง?**

  1. **เน้นพืชเป็นหลัก(80%) + สัตว์น้อยแต่มีคุณภาพ(20%)**
  2. **ลดน้ำตาลแป้งขัดสีและไขมันไม่ดี**
  3. **อ่านฉลากเลี่ยงส่วนผสมสังเคราะห์**
  4. **ปรุงอาหารเองให้บ่อยที่สุด**

**“สุขภาพดีเริ่มที่อาหารธรรมชาติ…กินอย่างรู้ตัว คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด”**

หากทำได้ตามนี้อย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะค่อยๆ ปรับสมดุล ลดการอักเสบ และป้องกันโรคเรื้อรังได้ในระยะยาว!

ในมุมของการวางแผนการเงิน ปัจจัยสำคัญคือการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อต้องเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรง  WERICH GROUP เราจึงมองเห็นความสำคัญในเชิงป้องกันสุขภาพพอๆกับการวางแผนค่ารักษาพยาบาลให้เพียงพอในยามฉุกเฉิน ท่านใดสนใจ  เรายินดีให้คำปรึกษาสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://lin.ee/hBu28ld

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *